ถ่ายทอดสด ช่อง 7
ดูออนไลน์ Live TV
ทายผล คริสตัล พาเลซ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผู้ตัดสิน มาร์ค แคลตเท็นเบิร์ก
ผู้ช่วยผู้ตัดสิน จอห์น บรุคส์, แอนดี้ ฮอลลิเดย์
ผู้ตัดสินที่สี่ นีล สวาร์บริค
เกมนี้คริสตัล พาเลซมีแววว่าจะได้ วิลฟรีด ซาฮา ฟิตกลับมาพร้อมลงสนาม หลังจากหายไป 3 เกม ด้วยอาการบาดเจ็บแฮมสตริง เช่นเดียวกับ บาการี่ ซาโก้ ที่ผ่านความฟิตเช่นกัน จึงมีเพียงแค่มิดฟิลด์อย่าง โจ เล็ดลี่ย์ เท่านั้นที่ไม่พร้อมลงเล่น
ด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะได้ทั้ง มัตเตโอ ดาร์เมียน, มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน และ มาร์กอส โรโฮ กลับมา หลังจากที่ไม่ได้มีชื่อมาในเกมเมื่อกลางสัปดาห์ ขณะที่ มารูยาน เฟลไลนี่ ก็พ้นโทษแบนกลับมาแล้ว แต่ แอดนาน ยานูซาย กับ ทิโทธี โฟซู-เมนซาห์ ยังไม่น่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้ ขณะที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กับ ลุค ชอว์ หมดสิทธิ์ลงเล่นแน่นอน
การพบกันของทั้งสองทีม
– ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยพบกันในเอฟเอ คัพมาเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น เป็นนัดชิงชนะเลิศ เมื่อปี 1990 และรอบรองชนะเลิศ เมื่อปี 1995 ซึ่งทั้ง 2 เกมต้องไปวัดกันในนัดรีเพลย์ และก็เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เอาชนะไปได้ทั้งหมด
– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแพ้แค่ครั้งเดียวจากการเจอกัน 20 ครั้งหลังรวมทุกรายการ นั่นคือรอบก่อนรองชนะเลิศ ลีก คัพ เมื่อปี 2011
คริสตัล พาเลซ
ผู้จัดการทีม อลัน พาร์ดิว
– คริสตัล พาเลซมีโอกาสคว้าแชมป์รายการใหญ่เป็นครั้งแรก และคว้าสิทธิ์ไปเตะฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
– หากชนะนัดนี้จะทำให้พวกเขาเอาชนะคู่แข่งเป็นสโมสรที่ 44 ในเกมเอฟเอ คัพ
– ทีมปราสาทเรือนแก้วเขี่ยทีมระดับพรีเมียร์ ลีกตกรอบมาถึง 4 ทีม ในเส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ ซึ่งถือว่าชัยชนะที่ทำได้นั้นมากกว่าที่พวกเขาคว้าชัยในลีกสำหรับปี 2016 ถึง 2 เท่า
– ในการเตะเอฟเอ คัพ 5 เกมในฤดูกาลนี้ คริสตัล พาเลซเสียประตูไปเพียงแค่ 3 ลูกเท่านั้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผู้จัดการทีม หลุยส์ ฟาน กัล
– นี่คือนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพครั้งแรกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ปี 2007 และจะเป็นการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ รายการนี้ครั้งที่ 19 ของพวกเขา เท่ากับเจ้าของสถิติแชมป์สูงสุดอย่างอาร์เซนอล
– พวกเขามีโอกาสที่จะทาบสถิติแชมป์เอฟเอ คัพ 12 สมัยของอาร์เซนอล หากคว้าชัยได้
– หลุยส์ ฟาน กัล ตั้งใจที่จะคว้าแชมป์รายการแรกของเขาในฐานะผู้จัดการทีมปีศาจแดง โดยก่อนหน้านี้เขาเคยคว้าแชมป์บอลถ้วยมาหมดแล้วในการคุมทีมที่ฮอลแลนด์, สเปน และเยอรมัน
– มาร์คัส แรชฟอร์ด จะมีอายุ 18 ปี กับอีก 203 วัน ในนัดชิงชนะเลิศ และก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ที่ทำประตูได้ในเอฟเอ คัพ ต่อจาก นอร์แมน ไวท์ไซด์ ซึ่งมีอายุ 18 ปี กับอีก 19 วัน ในวันที่เขายิงให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในนัดชิงชนะเลิศ ปี 1983
การพบกันในเอฟเอ คัพ
12 เมษายน 1995: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 0 คริสตัล พาเลซ (สนามกลาง, รอบรองชนะเลิศ นัดรีเพลย์)
9 เมษายน 1995: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 2 คริสตัล พาเลซ (สนามกลาง, รอบรองชนะเลิศ, ต่อเวลา)
17 พฤษภาคม 1990: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 – 0 คริสตัล พาเลซ (สนามกลาง, รอบชิงชนะเลิศ นัดรีเพลย์)
12 พฤษภาคม 1990: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 – 3 คริสตัล พาเลซ (สนามกลาง, รอบชิงชนะเลิศ, ต่อเวลา)
SiR KeaNo, Por